Infrared Technical Information
ความรู้เกี่ยวกับอินฟาเรด
Infrared Short Wave Knowhow
หลอดอินฟราเรดเป็นระบบให้ความร้อนโดยการใช้แสงส่องที่วัตถุโดยตรง จึงมีความสูญเสียพลังงานความร้อนน้อยกว่าการให้ความร้อนด้วยวิธีอื่น จึงประหยัดพลังงานและให้ประสิทธิภาพสูง หลอดอินฟราเรดคลื่นสั้นให้คลื่นแสงยาว 700-1400 นาโนเมตรข้อดีของการใช้ ระบบ Infrared Lamp
- มีความปลอดภัยเนื่องจากไม่มีเปลวไฟ เหมือนการใช้แก๊ส ซึ่งมีความเสี่ยงต่ออัคคีภัย
- เมื่อเทียบกับการให้ความร้อนประเภทอื่น ถือว่าใช้พื้นที่น้อย โคมหลอดอินฟราเรดมาตรฐานมีความกว้างเพียง 12 ซม ต่อหนึ่งชุดหลอด
- สามารถปรับอุณหภูมิได้เต็มที่ภายในระยะเวลาเพียง 5 วินาที การสั่งงานควบคุมง่าย สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ด้วย Temp Control และสามารถหยุดให้ตวามร้อนได้ทันทีหลังจากปิดหลอด ซึ่งแตกต่างจากระบบให้ความร้อนชนิดอื่น ซึ่งยากในการควบคุมอุณหภูมิได้ตามต้องการ ทั้งแบบแก๊ส หรือขดลวดความร้อน ซึ่งสำหรับระบบหลัง ต้องใช้เวลา Warm Up และ Warm Down ซึ่งใช้เวลานาน
- เป็นระบบการให้ความร้อนที่สะอาด คือให้ความร้อนจากการเปล่งแสง จึงไม่ต้องใช้ลมเป่าเป็นปริมาณมากเหมือน ระบบแก๊ส หรือระบบลวดความร้อน จึงไม่มีฝุ่นผงซึ่งสร้างความสกปรกให้กับระบบ
- เป็นการให้ความร้อนที่ประหยัดที่สุด ซึ่งเกิดจากการให้ความร้อนแบบแผ่รังสี ความสูญเสียต่ำ การควบคุมอุณหภูมิจะใช้การเลี้ยงไฟไม่ใช่การตัดต่อแบบขดลวดความร้อน ซึ่งต้องกระชากไฟซึ่งค่อนค้างเสียพลังงานเป็นจำนวนมาก และหากเทียบกับกีส ด้วยการให้ความร้อนที่สูสีกันจะมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ถูกกว่า โดยสามารถประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับระบบอื่นได้ 40-70%
- ประหยัดเวลาการอบ เนื่องจากสามารถทำเคมีเช่นหมึก หรือวานิช ให้แห้งได้จากชั้นในสู่ภายนอกพื้นผิว ซึ่งไม่เหมือนกับระบบอื่นซึ่งสร้างความร้อนให้เคมีแห้งจากภายนอกผิวสู่ภายใน จึงมีความเสี่ยงที่เคมีที่พิมพ์หรืออาบจะไม่แห้งสนิทอีกด้วย
ข้อจำกัดของระบบ Infrared Lamp
- เหมาะสำหรับการให้ความร้อนณพื้นผิวที่โดนแสงเท่านั้น เช่นงานที่ผ่านมาทางคอนเวเยอร์ ไม่เหมาะกับการให้ความร้อนที่เป็นมวลความร้อนซอกซอนตามจุดต่างๆ เช่นตู้อบ เนื่องจากอินฟราเรดให้ความร้อนจากการแผ่แสงกระทบเท่านั้น บริเวณที่ไม่โดนแสงหรืออับแสงจะไม่ได้รับความร้อน ตามต้องการ
อุตสาหกรรมที่ใช้หลอดอินฟราเรด โดยทั่วไปหลอดอินฟราเรตให้ความยาวคลื่นแสงช่วง 700-1400 นาโนเมตร ลักษณะแสงสีส้ม แดง มีอุหภูมิสีสำหรับหลอดประมาณ 2400 K (Kevin) ทำหน้าที่ให้ความร้อน
- ขวดเพ็ท สำหรับน้ำดืม น้ำอัดลม น้ำมันพืช ภาชนะที่ใช้บรรจุอาหาร
- เฟอร์นิเจอร์
- พุนสีรถยนต์
- วงการพิมพ์ และเคลือบเงากระดาษ
- วงการทำแก้ว กระจก
- วงการเกษตร เช่นให้ความร้อนในฟาร์มหมู ไก่
- วงการเซรามิค
- วงการย้อมผ้า
- วงการอิเลคโทรนิคส์
- วงการโค๊ตสีต่างๆ
- วงการรองเท้า เช่น แพน ไนกี้
- และอุตสาหกรรมที่ต้องการความร้อนในการอบชิ้นงานต่างๆ
